วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พิชิตรัก ลุ้นหัวใจนายเพื่อนสนิท Part : 5

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นอย่างระห่ำในยามเช้าตรู่ของวัน ฉันก็เลยต้องจำใจ
ลุกไปรับโทรศัพท์
“โอ้ยๆ รู้แล้วจ้า รู้แล้ว ใจเย็นๆ” ฉันบ่นพลางเดินไปรับโทรศัพท์
“(งานการน่ะ จะไม่ทำใช่มั้ย กี่โมงกี่ยามแล้วยังไม่มาอีก)” เสียงอาโกของฉันดังแปดหลอด
มาจากโทรศัพท์ ง่ะ แล้วกี่โมงแล้ววะเนี่ย คิดเสร็จก็หันไปมองนาฬิกา
“หา!!! 9 โมงแล้วเหรอเนี่ย” ฉันอุทานเสียงดัง
“(เออ ก็ใช่น่ะสิ จะเสด็จออกมาได้รึยัง)”
“ค่ะๆ เดี๋ยวรีบแต่ตัวออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ อาโก” แง้ ก็เมื่อคืนฉันแทบไม่ได้นอนเลยนี่นา
แล้วฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วแสง แล้วรีบบึ่งมอไซค์ออกจากบ้านทันที

ไปถึงบ้านอาโก หรือสถานที่ทำงานของฉันนั่นเอง ทุกๆ เช้า ฉันต้องมาจัดแผงขายมีด
ให้อาโก ก็เห็นอาโกยืนทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าบ้าน แล้วต่อว่าฉันนิดหน่อย
“เร็วๆ สายแล้วนะ แล้วนี่ต้องไปโรงเรียนอีก จะถึงโรงเรียนกี่โมงกัน”
“ค่ะๆ” ฉันจึงรีบก้มหน้าก้มตาจัดแผงขายมีดอย่างด่วนที่สุด เมื่อเสร็จแล้วฉันก็รีบเดินทางไป
โรงเรียนทันที เฮ่อ แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ถูกลงชื่อผู้มาสาย แล้วก็มาไม่ทันเรียนชั่วโมงแรก
อีกต่างห่าง T^T แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ฉันไม่ต้องเจอบุ๋มกับอ๊อฟในตอนเช้า เพราะสองคนนั้นคง
ซักฉันเป็นการใหญ่แน่ๆ เพราะเมื่อคืนฉันไม่ยอมรับโทรศัพท์จากใครเลย

“ชั่วโมงแรกแนนโดดเรียนเหรอ” ยัยต้นเพื่อนร่วมห้องถามฉัน
“ป่าว ตื่นสายน่ะ ทำไมถึงคิดว่าโดดล่ะ” ยัยนี่มองฉันในแง่ร้ายจัง
“ก็เห็นคาบแรกแนนโดดประจำนี่นา แล้วเมื่อเช้าตอนเข้าแถวก็มีคนบอกว่าเห็นแนนมาแล้วด้วย
อาจารย์เค้าเลยเช็คว่าแนนโดดเรียน”
“หา!!! ว่าไงนะ” ซวย ซวยสนิทละสิฉัน เฮ้อ ช่างมันละกัน เรื่องมันผ่านไปละ จะให้ไป
ถามหาว่าใครปากหาเรื่องไปบอกอาจารย์อย่างนั้นก็คงไม่มีใครยอมรับหรอก
“ช่างมันเหอะว่ะ” ฉันพูดออกไปอย่างเซ็งๆ
“เอ๋ มันเป็นคนบอกอาจารย์นะแนน” ต้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยัยนี่มันรู้ว่าฉันไม่ค่อยกินเส้น
กับยัยเอ๋เท่าไหร่ ทำให้ฉันลืมความคิดเมื่อกี้ไปในบัดดล เอ๋บอกอย่างนั้นเหรอ เมื่อฉันได้รู้อย่างนั้น
ฉันจึงเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เจอคู่กรณีของฉันนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับ
เพื่อนๆ อีกหลายคน ฉันรู้สึกว่าเพื่อนหลายๆ คนในห้องมองฉันอย่างหวาดๆ จะด้วยเหตุผลอะไร
ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ฉันไม่สนใจหรอก เพราะสนใจยัยคนที่ให้ร้ายฉันที่นั่งหน้าซีดอยู่นั่นมากกว่า
“เอ๋ เราขอคุยอะไรด้วยหน่อย” ฉันพูดเสียงเรียบ แต่ไม่จัดว่าเบา แล้วในทันใดห้องเรียนที่เต็มไป
ด้วยเสียงอึกทึกก็เงียบสนิท ฉันสังเกตเห็นเพื่อนหลายคน บอกให้เอ๋ออกมาคุยกับฉันที่หน้าห้อง
พร้อมให้กำลังใจยัยเอ๋เต็มที่ ทำอย่างกับจะยัยนั่นจะออกมาสู่สนามรบ แล้วยัยพวกในห้อง
เห็นฉันเป็นอะไรนะ ฉันแค่จะเคลียร์ให้รู้เรื่องเฉยๆ จะพิรี้พิไรอะไรขนาดนั้น ฉันจึงส่งเสียงเร่ง
“เร็วๆ เดี๋ยวอาจารย์มา” คำพูดของฉันมันฟังดูน่ากลัวขนาดนั้นเลย ยัยเอ๋มันถึงตัวสั่นระริกเชียว
“เอ่อ .. แนน เรื่องเมื่อเช้าเอ๋ไม่ได้ตั้งใจบอกอาจารย์นะ” ยัยเอ๋รีบออกตัว
“ไม่ได้ตั้งใจแล้วไปบอกทำไม” ฉันถามเสียงเรียบ สายตาของฉันไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร
“ก็เอ๋แค่พูดกับนุชว่าเหมือนจะเห็นแนนเข้าแถวที่ห้อง 4 น่ะ แล้วอาจารย์ก็มาได้ยิน”
“แล้วทำไมต้องพูดถึงเราด้วย เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“เอ๋แค่เป็นห่วงที่ไม่เห็นแนนเข้าเรียน อย่าโดดเรียนให้มากนักเลยนะแนน”
“นั่นมันก็เรื่องของเรา เกี่ยวกันตรงไหน” ฉันพูดกับเอ๋อย่างเย็นชา จนเอ๋มีน้ำตาคลอขึ้นมา
ฉันจึงรีบเบือนหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้
“ทีหลังไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมองหา แล้วก็ไม่ต้องห่วงใยอะไรทั้งนั้น”
“เรื่องที่ผ่านมาน่ะ ยกโทษให้เอ๋เถอะนะ” ยัยเอ๋ว่าเสร็จน้ำตาก็ไหลออกมาพรากๆ
ทำเอาฉันตกใจไม่น้อย แต่ก็ต้องทำเป็นไม่สนใจ
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ มายืนอะไรหน้าห้อง อ้าว! แนนทำไรเอ๋น่ะ”
เสียงอาจารย์ประจำชั่วโมงนี้ดังขึ้นมา พร้อมกับคำพูดที่ปรักปรำฉันทันที ฉันจึงมองหน้า
ยัยเอ๋นิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วฉันจึงเดินเข้าห้องเรียน แต่ไม่มีกะใจเรียนรู้อะไรทั้งนั้น
ขอเล่าถึงเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังหน่อยแล้วกัน ฉันกับเอ๋เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี
ฉันเป็นคนที่จริงใจและเชื่อใจเพื่อนมากๆ ฉันไม่เคยคิดระแวงหรือจับผิดเพื่อนของฉันเลย
สักครั้ง ตลอดเวลาฉันจะไปไหนมาไหนกับเอ๋เสมอ จนฉันรู้สึกว่าเธอเป็นน้องสาวของฉัน
ที่ฉันต้องดูแลและห่วงใยเธอมาตลอด โดยฉันไม่เคยได้รู้เลย ว่าเธอคนนั้นคิดไม่เหมือนฉัน
นินทาลับหลังฉัน พูดหักหน้าฉันหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าเรื่องพวกนี้ฉันไม่เคยจะใส่ใจ
เพราะถือว่าเป็นนิสัยส่วนตัวของเธอ แต่เหตุการณ์หนึ่งที่ฉันยอมรับไม่ได้ คือ เธอแอบจีบ
แฟนของฉัน และไอ้ผู้ชายเลวคนนั้นทำท่าว่าจะไปคบกับเธอ ฉันเสียใจและผิดหวังที่สุด
ฉันไม่เคยเสียดายผู้ชาย แค่เอ่ยปากว่าชอบ ฉันก็พร้อมถอนตัว แต่เธอหักหลังฉัน
ทำในสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด คือการโกหกและหลอกลวงฉัน จากนั้นฉันจึงเลิกคบกับเอ๋ในทันที
ที่รู้เรื่อง แต่เอ๋ก็พยายามทำดีกับฉัน ทำการบ้าน จดเลคเชอร์ให้ฉันในชั่วโมงที่ฉันโดดเรียน
แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะให้อภัยเธอเลยสักครั้ง (เหตุการณ์คุ้นๆ เหมือนใน Chapter 2 เลย)

ตึก ตึก ซ้วบ!! เสียงฉันเลี้ยงลูกบาสที่แอบไปจิ๊กมาจากห้องพละ แล้วชู้ตลงห่วงไป
อย่างสวยงาม เหงื่อฉันเริ่มออกเล็กน้อยหลังจากที่เล่นบาสคนเดียวมาได้สักพักหนึ่ง อาจารย์
หลายคนมองดูฉันแปลกๆ คงคิดว่ายัยนี่คงโดดเรียนมาเล่นบาสอีกตามเคย เฮ่อ ตอนนี้เป็น
ชั่วโมงเรียนก่อนเที่ยงที่ไม่ได้เรียน เพราะอาจารย์ไม่อยู่เลยให้อ่านหนังสือเงียบๆ ในห้องเรียน
หลังจากที่ฉันคุยกับเอ๋เมื่อเช้าแล้วโดนอาจารย์ปรักปรำ ฉันยิ่งไม่มีกะใจอยู่ในห้องที่มีบรรยากาศ
อึดอัดอย่างนั้น ฉันเลยชิ่งออกมา เห็นมั้ย ฉันไม่ได้โดดเรียนจริงๆ นะ
“อ๊ะ!!” ฉันมัวแต่คิดเพลินๆ ลูกบาสเลยหลุดมือกลิ้งออกไป แล้วก็เห็นมือใครคนหนึ่งคว้าลูกบาส
ขึ้นมา ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน ทำเอาฉันถึงกับหน้าร้อนวูบ มาได้ไงเนี่ย เขาไม่เรียนเหรอวะ
“เล่นห่วยแล้วยังมาโชว์เดี่ยวอีก” เป้งพูดพลางยักคิ้วกวนๆ ให้ฉัน
“แค่ลูกหลุดมือ มันพิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าเล่นห่วย” ฉันพูดอย่างมีอารมณ์
“งั้นมาพิสูจน์กันมั้ยล่ะ” เป้งพูดด้วยน้ำเสียงชวนหมั่นไส้สุดๆ
“ได้ งั้นมาแข่งชู้ตลูกกัน” ฉันตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ หึๆ ให้มันรู้ไปว่าฉันจะแพ้ลูกชู้ตที่ฉัน
ถูกฝึกโดยพี่ชายคนเก่งของฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่... อีตานี่ก็เล่นบาสเก่งใช่เล่นนี่นา ถึงจะสูงกว่าฉัน
นิดหน่อยแต่คงไม่ใช่ปัญหาหรอกมั้ง ลุยโลด
“ให้แนนเริ่มก่อนละกัน ไม่อยากกดดัน” เป้งพูดด้วยสีหน้ามั่นใจสุดๆ
“หึหึ” ฉันหัวเราะในลำคอตอบกลับไป พลางคิดว่า รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว
ตึก ตึก ซ้วบ!! “อ่าฮะ ลงไปอีกแล้ว ว้า...” หลังจากที่ฉันชู้ตลูกสุดท้ายลงไป ฉันตั้งใจทำเสียง
อย่างชวนหมั่นไส้ เพื่อยั่วอารมณ์ใครบางคน
“ว้า เสียดายจริงๆ ที่ไม่ลงตั้ง 2 ลูก แต่ยังดีที่เข้าไปตั้ง 8” ฉันแหย่เข้าไปอีก
“...” เป้งยังเงียบแต่มองฉันอย่างเครียดๆ
ตึก ตึก เคร้ง!! “บ้าชิบ” เสียงสบถดังออกมาจากปากคนที่ท้าฉัน หลังจากที่ชู้ตลูกแรกไม่ลง
“สู้ๆ นะ ยังเหลือตั้ง 9 ลูกให้ชู้ต แต่ต้องให้ลงทุกลูกนะถึงจะชนะเรา ฮิฮิ”
“เออ” เสียงตอบรับห้วนของเป้ง บ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดสุดๆ
“กึกๆ” เสียงฉันกลั้นหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากคนเก่งนั้นแพ้ฉันอย่างหมดท่า
เพราะชู้ตลงไปแค่ 5 ลูก ท่าทางจะเสียหน้าน่าดูเชียว
“2 ใน 3 ถึงเรียกว่าชนะ!!” เสียงพูดดังขึ้นอย่างเอาแต่ใจ จากคนไม่ยอมแพ้ ทำเอาฉัน
ชะงัก หืม 2 ใน 3 งั้นเหรอ
“ไม่เอา ขี้เกียจ เหนื่อยแล้วด้วย” ฉันบอก แต่พอมองดูหน้าเขาแล้วก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้
เฮ่อ เห็นแก่หน้าหล่อๆ นั่นหรอกนะ แต่ถ้าจะให้สนุก ก็ต้องมีอะไรมาเดิมพันนิดๆ หน่อยๆ สินะ
“เออ ก็ได้ แพ้เลี้ยงข้าวนะ” ฉันบอก เป้งได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ แล้วบอกกับฉัน
“ได้ เตรียมเงินไว้ล่ะ”
ฉันให้เป้งเป็นคนเริ่มก่อนจะได้สนุกหน่อย แล้วในที่สุดเขาก็ชู้ตลูกลง ...8 ใน 10 เหรอเนี่ย
แย่แน่ยัยแนนเอ้ย ใจฉันเริ่มหวั่นนิดๆ ชักกลัวเสียเงิน
“หึ หึ สู้ๆ นะ” เป้งส่งเสียงเรียบๆให้ฉัน แต่แววตานั้นชอบใจสุด เหมือนคนกำลังได้ของเล่น
ชิ้นใหม่ยังไงยังงั้น
ตึกๆ เคร้ง ง่ะ ลูกแรกไม่ลง ซวยสนิท งั้นลูกที่เหลือก็ต้องลงทุกลูกน่ะสิ ถึงจะชนะอีตานี่
เอาวะ ตึกๆ เคร้ง... ฮ่า!!! สงสัยเพราะไม่มีอารมณ์จะเล่นเท่าไหร่ถึงทำให้ฉันชู้ตได้ห่วย
อย่างนี้ ฉันจึงแอบไปมองหน้าคู่ปรับของฉัน ก็พบใบหน้าที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างไม่คิดจะปิดบัง
ฉันยิ่งหงุดหงิด ฉันเลยชู้ตลูกที่ 3 ไปมั่วๆ เพื่อจบเกมตานี้ แล้วเริ่มเกมใหม่ เกมตัดสิน!!
ฉันเป็นคนเริ่มก่อน ฉันพยายามตั้งสมาธิเต็มที่แล้วชู้ตลงห่วงไปทั้งหมด 8 ลูก
เห็นสีหน้าเป้งเรียบๆ คงเครียดที่ต้องเลี้ยงข้าวฉันล่ะมั้งถ้าเกิดเขาแพ้ขึ้นมา ตอนนี้เป้งชู้ตลงไปแล้ว
4 ลูก ไม่ลงไปแล้ว 1 เผลอแปบเดียวลงไปอีก 3 นี่ถ้าเขาชู้ตลงทั้ง 2 ลูกก็ชนะน่ะสิ เพี้ยงๆ
สาธุๆ ขอให้ไม่ลงทั้ง 2 ลูกทีเถอะ หรือไม่ก็ไม่ลงซักลูกก็ได้ อย่างน้อยก็เสมอ
ตึกตัก ตึกตัก เฮ้อ แล้วทำไมหัวใจฉันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ ข้าวจานแค่ 20 บาทเอง
แต่ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่สาเหตุหรอก คงเพราะฉันมองหน้าและท่าทางของเขาตอนตั้งใจชู้ตลูกมากๆ
มากกว่า สีหน้าที่นิ่งสนิท เหมือนตั้งสมาธิสุดๆ ท่าตอนชู้ตก็แสนจะเท่ระเบิด ถึงแม้ท่าทางจะดู
ไม่โปรเหมือนพี่ชายของฉันก็เหอะ แล้วฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มโผล่มานิดๆ จากริมฝีปากสีแดงที่ท่าทาง
จะนุ่มนั้น เมื่อลูกลงห่วงไป ฮ้า!!!! ลูกลงงั้นเรอะ งั้นก็แสดงว่าเสมอกันแล้วงั้นเหรอ T_T
ยี่สิบบาทของฉัน จะสูญเสียมันไปมั้ยเนี่ย
“อีกลูกเดียว” เขาว่าแล้วหันมายิ้มให้ฉัน อย่ายิ้มสิที่รัก ฉันจะละลายแล้ว ฉันได้แต่คิดในใจ
แล้วเป้งก็ชู้ตลูกสุดท้าย เคร้ง!!! และลูกสุดท้ายก็ไม่ลง งั้นแปลว่าเสมองั้นสิ ฉันจึงหันไปมองเขา
ก็เห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าดูดีของเขา แล้วเขาก็หันมาทางฉัน
“ป่ะ ไปกินข้าวกัน อ๊ะ รอแป๊บนะ เอาลูกบาสไปซ่อนก่อน” เขาหันมายิ้มร่าให้ฉันอย่างสดใส
...น่ารักจัง แล้วเขาก็ตะโกนให้ฉันถือกระเป๋าของเขาไปให้เขาด้วย จากนั้นเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน…

“น้าคะ เอานี่ เอานี่ แล้วก็นี่ด้วยค่ะ” ฉันหันไปชี้นิ้วสั่งข้าวราดแกงกับคุณน้าขายข้าว
แต่ฉันรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของเป้งที่กำลังมองฉันอยู่
“อะไร” ฉันถามเขา
“ทำไมกินเยอะจังอ่ะ (- -a)”
“ก็คนมันเหนื่อยอ่ะ แล้วก็อยากกินหลายอย่างอ่ะ จริงๆ นี่อยากกินไอ้นั่น แล้วก็ไอ้นู่นด้วยอ่ะ
แต่จานคงใส่ไม่พออ่ะ” ฉันบอกพลางชี้นิ้วไปยังถาดกับข้าวที่ฉันหมายตาไว้ แต่ก็ไม่อาจกินได้
“ประสาท”
“ว่าไงนะ!!” ฉันหันไปแว้ดใส่เขา ก่อนจะเห็นจานข้าวของเขา ฮ้า... น้อยกว่าของฉันอีก
อายจังเลยอ่ะ ฉันจึงควักหาตังเพื่อจ่ายค่าข้าวแก้เก้อ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเลี้ยง” เป้งพูดขึ้น
“ฮ้า... เลี้ยงได้ไง ไม่ได้แพ้นี่นา”
“ก็อยากเลี้ยงอ่ะ ไม่ได้หรือไง (-_- ;)”
“เอางั้นเหรอ” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ
“อือ เอางั้นแหละ” ว้าว โอเชโลด ได้กินข้าวฟรี แต่จะ น่าเกลียดไปมั้ยอ่ะ งั้นเอางี้ดีกว่า
“งั้นให้เราเลี้ยงน้ำละกันนะ ห้ามขัดนะ”
“อืม” เขาหันมายิ้มให้ เขินอ่ะ (*///*)

หลังจากที่เป้งจัดแจงหาที่นั่ง ฉันก็วิ่งปรู้ดไปซื้อน้ำด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(เวอร์ไปไหมจ๊ะ) เพราะไม่อยากให้เสียเวลาที่ฉันจะได้อยู่กับเป้งสองต่อสอง อิอิ พอซื้อน้ำ
เสร็จแล้วก็รีบจ้ำอ้าว เดินกลับมาที่โต๊ะ
เฮื้อกก!! พวกมัน... พวกมันมากันตั้งแต่เมื่อไหร่ กรี้ด กรี้ด ไอ้พวกบ้าเอ้ย ฉันก่นด่าเพื่อน
ร่วมก๊วนของฉันในใจแล้วเดินไปที่โต๊ะอย่างเซ็งๆ พวกมันพากันมองฉันกับเป้งแปลกๆ บ้างก็เป็น
สายตาสงสัย บ้างก็เป็นสายตาจับผิด บ้างก็เป็นสายตาออกแนวดีใจ เอ่อ (- _- ;) นี่มันอะไรกัน
“ทำไมพวกมึงมานั่งกินด้วยกันสองคนวะ” ไอ้อ๊อฟถาม ด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงสงสัย
“เอ่อ../...” ฉันกับเป้งยังเงียบอยู่
“...” ทุกคนยังรอคอยคำตอบอยู่
“ก็เล่นบาสกันเหนื่อยๆ เลยชวนกันมากินข้าวอ่ะ ทำไมเหรอ” ฉันตอบเสียงเรียบ ใช้สายตานิ่งๆ ข่ม
ไม่ให้พวกมันเอ่ยปากถามมากไปกว่านี้ ก็ฉันอายนี่นา (-//-)
“เล่นกันตอนไหนอ่ะ คาบที่แล้วมึงไม่ได้เรียนเหรอแนน แต่ห้อง 5 ได้เรียนนี่ พวกมึงโดดเรียน
มาเล่นบาสกันเหรอวะ” ไอ้อ๊อฟยังคงซักต่อ เหมือนว่าฉันไปทำเรื่องผิดจารีตขั้นร้ายแรงยังไงยังงั้น
“เปล่า / อืม” ฉันตอบ แล้วตามด้วยเป้ง
“หืม เป้งโดดเรียนมาเหรอ” ฉันถาม
“...”
“เห็นมันบอกว่าปวดขี้เลยขอครูออกมา มึงไปขี้ที่สนามบาสเหรอวะเป้ง” ด้าพูดขึ้นมา
“อืม / หืม / อา / อิอิ/ ฮ่าฮ่า” เสียงจากผองเพื่อน ทำเอาฉันหน้าร้อนฉ่า แล้วเพื่อนๆ
ก็แยกย้ายกันไปซื้อข้าว ปล่อยให้ฉันกับเขานั่งกันอยู่สองคน
“แถวสนามบาสมีห้องน้ำด้วยเหรอ” ฉันถามเบาๆ
“หึหึ งั้นละมั้ง” ชิส์ ไอ้บ้านี่ จะกวนประสาทฉันไปถึงไหน แต่ฉันก็อดหวังลมๆ แล้งๆ
ไม่ได้ว่าเขาอาจจะตั้งใจลงมาเล่นบาสกับฉัน จากนั้นฉันก็ก้มหน้าก้มตากิน
ถึงจะเขินสุดๆ แต่ก็มีความสุขนะ ^//^

ไม่มีความคิดเห็น: