วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

ลุ้นรัก พิชิตหัวใจนายเพื่อนสนิท (By Nannumnim)

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิ๊กส์ พวกมึงเมาแล้วอ่ะดิ มากราบตรีนกรู บัดเดี๋ยวนี้" เสียงหัวเราะสะท้านโลกที่ดัง
มาจากปากสาวน้อย ที่ตัวไม่น้อยเท่าไหร่ กำลังส่งเสียงหัวเราะด้วยความมีชัยเหนือการดวลเหล้า
กันกับไอ้อ้วน และไอ้ยุ้ย เพื่อนของหล่อน
"กูม่ายยมาวววว ฮึ้ก แหวะ" เสียงประท้วงพร้อมทั้งอ้วกไปด้วยเป็นของไอ้อ้วน เพราะไอ้ยุ้ยได้
เมาหลับคาที่ไปแล้ว
"ถุย คออ่อนแล้วสะเออะมาท้ากู ตีนกูก็ไม่ยอมกราบ ไปตายซะ" เสียงสาวน้อยที่ว่าด่าคนคอ
อ่อนเข้าให้ (โห ผู้หญิง อาร้ายหยาบคายได้ใจ) ว่าเพื่อนคออ่อนเสร็จ ก็หันไปยกเหล้ากับเพื่อน
คนอื่นต่อโดยไม่ได้สนใจไอ้คนคออ่อนทั้งสองคนที่นอนเมาจมกองอ้วกตัวเองไปแล้ว

นี่แหละคือหนึ่งในชีวิตประจำวันของฉัน ที่มีนามว่า แนน เฮ่อ ชีวิต ม.ปลายของฉันวันนึงๆ
มีอะไรทำตั้งมากมาย เพราะต้องหารายได้เลี้ยงดูตัวเองและหมาน้อยพันธุ์บางแก้วที่มีนาม
น่ารักว่า จัมโบ้ ใช่ว่าฉันยากจน ตัวคนเดียวไม่มีใคร แต่ด้วยความที่ฉันมีนิสัยที่แสนจะหยิ่ง
และรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุดเฉพาะกับผู้ที่มีความสัมพันธ์กับฉันที่เรียกกันว่า แม่ ฉันจึงมีแค่เพื่อน
เป็นที่เพิ่งพิงทางใจเท่านั้น ก๊วนเพื่อนของฉันนั้นมีมากมากกว่า 10 ชีวิต แม้ว่าฉันจะมีเพื่อน
ที่เรียกว่าสนิท กันจริงๆ เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะภายนอกฉันเหมือนคนเงียบ เก็บตัว
และมีรังสีออร่าทะมึนออกมาจากร่างกาย ของฉัน (เห็นเพื่อนบอกฉันอย่างงั้น) จึงเป็นที่
ขยาดของคนภายนอกเข้าใกล้ เว้นแต่เพื่อนสนิทของฉันที่รู้ว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นยังไง
ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนขี้เหงา และอ่อนไหวง่ายสุดๆ จนฉันต้องสร้างกำแพงที่เรียกว่า
ความเย็นชา ขึ้นมาปกป้องตัวเองจาก ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในใจของฉันเสมอ
แล้วก็อีกอย่างนึงอ่ะ ฉันเป็นคนใจดีและเป็นคนขี้ใจอ่อนสุดๆ เลยนะ ^O^

ปึ๊กก! "โอ้ย!! ไรของมึงวะ เจ็บนะเว้ย คนยิ่งแฮ้งค์ ไม่ทันได้หาย ซัดกูมาได้ ห่าเอ้ย"
เสียงไอ้อ้วนด่าฉันอย่างกับฉันไม่ใช่ผู้หญิง กัยอีแค่โดนกำปั้นพิฆาตของฉัน อัดเข้าที่
ไหล่ของมันเต็มๆ หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถของโรงเรียนเสร็จ
" โห อัดมึงแค่นี้ดีเท่าไหร่ สาด ไม่ยอมกราบกู ชิ ไอ้อ่อนเอ้ย" สาวน้อยผู้ตกเป็นจำเลย
ด่ากลับทันที พอเห็นว่าไอ้อ้วนทำท่าว่าจะด่าฉันกลับ ฉันจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
" แล้วเมื่อคืนมึงนอนไหนวะ บ้านไอ้เต้ยเหรอ" ฉันถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เพราะ
ไอ้อ้วนบ้านมันไกล มากินเหล้าทีก็ต้องมานอนค้างบ้านเพื่อน และส่วนมากมันก็นอน
บ้านไอ้เต้ย ไอ้เต้ยคือเพื่อนผู้ที่มีจิตใจดีสุดๆ และเป็นห่วงเพื่อนเป็นเลิศ
" เออ มึงจะให้กูนอนไหนวะ มีที่เดียวล่ะที่ต้อนรับกู เออ! แล้วมึงจะไม่ถามไอ้เป้งที่
เมาเป็นหมาหน่อยเหรอวะ ไม่รู้ขับขับรถถึงบ้านป่าว" ไอ้อ้วนบ่นถึงเพื่อนซี้อีกคนที่บ้าน
ไกลสุดๆ แต่ต้องกลับไปนอนที่บ้านมันเอง เพราะที่บ้านหวงและห่วงมันสุดๆ
" เอ่อ...งั้นเหรอ แล้วมันจะเป็นไงมั่งวะ" ฉันถามด้วยเสียงอึกอัก แล้วนึกเป็นห่วงหนุ่ม
ร่วมก๊วนอีกคน และเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันจิตใจปั่นป่วนทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะร่วม
ก๊วนเดียวกันมานานนับปีแล้ว ฉันก็ยังไม่เคยชินกับความรู้สึกพวกนี้สักที
" โน่น พูดถึงก็มาโน่นแล้ว ดูหน้ามันดิ ไม่เห็นเหมือนคนเมา" ไอ้อ้วนว่าพลางชี้นิ้วไปยัง
คู่กรณีของฉัน หนุ่มน้อยคนที่ว่าเห็น เพื่อนสองคนอยู่ด้วยกันก็พลางยิ้มกว้าง โบกไม้โบกมือ
ให้อย่างน่าหมั่นไส้ เฮ้อ! ไอ้รอยยิ้มนั่นขอซื้อได้ไหน เห็นแล้วจะละลาย ^o^
คนอาร้ายจะดูดีทุกสถานการณ์ ใครมาเห็นตอนนี้จะเชื่อ ว่าเมื่อคืนมันเมาหยำเปขนาดไหน
" เฮ้ย ทำไมดูมึงไม่เมาค้างเลยวะ ไอ้เป้ง" ไอ้อ้วนถามไปพลางเดินไปเข้าแถวเคารพธงชาติ
" ก็กูกินแบรนด์มาอ่ะ เลยดีขึ้น" เป้งตอบ โห อวดรวยชิบ ก่อนจะนึกหมั่นไส้ กัดซะหน่อย
ก่อนเข้าแถว " บ้านรวยมันก็ดีอย่างนี้ล่ะว้า!! " นี่โดนกัดซะเลย ^o^
" อยู่แล้วเฟ้ย " มันตอบ พร้อมทำหน้าทะเล้นปนเยาะเย้ย เออ ไอ้รวย ก็บ้านมันรวยต้อง
ยอมรับ เพราะบ้านเป้งนั้นเป็นถึง สถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ในอำเภอ ว่าไป
ไอ้คนนี้แหละ รวยสุดในก๊วน ว่ากันเสร็จก็เดินสะบัดตูดแยกย้ายไปเข้าแถวใครแถวมัน

เฮ่อ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันมาเข้าแถวร่วมกับห้อง 7 ฉันเบื่อที่จะต้องไปเข้าแถวที่ห้องของฉันห้อง 9
ก็นั่นมันห้องคิงนี่นา ทำไมน้าฉันต้องมาอยู่ห้องนี้ด้วยน้า ไม่เหมาะกับฉันเลย ฉันไม่มีเพื่อนสนิท
ในห้องสักคน จะมีแค่เพื่อนที่พอคุยกันได้ ฉะนั้น แทน แท้นน ฉันเลยสาระแนมาเข้าแถวที่ห้อง 7
แทน เออ จะว่าไปวันนี้เพื่อนร่วมก๊วนของฉันหายหน้าหายตาไปหลายคนเลย สงสัยเพราะฤทธิ์
เหล้าสาโทเมื่อคืนแน่ๆ ฮึฮึ ฮู้วว อีตาอาจารย์นั่นก็พร่ำอะไรอยู่ได้ คนร้อนนะเฟร้ยย ให้มายืน
ตากแดดอยู่นานสองนาน อา.. ในที่สุดก็ปล่อยซะที ไม่ได้ดีใจที่จะได้เรียนนะ ฉันน่ะ มันเป็น
พวกขี้เกียจเรียนจะตาย ถึงใครๆ จะว่าฉันหัวดียังไง ฉันก็เป็นตัวของตัวเองมากพอที่จะไม่สนใจ
การเรียน (อ่ะนะ เป็นนักเรียนที่ดีจริ้งง) หลังจากเข้าแถวเสร็จในทุกๆ เช้า ก๊วนของเราก็จะไป
รวมตัวกันที่ข้างสนามบาสเพื่อเสวนาเรื่องต่างๆ กันก่อนเข้าเรียน เอ่อ ขอสารภาพว่าจริงๆ แล้ว
เป้าหมายของฉันไม่ใช่แค่ไปเสนาพร่ำเพรื่อไรนั่นหรอก แต่ฉันหวังแค่ ไปให้ได้เห็นหน้าใคร
บางคนก่อนเข้าเรียนเท่านั้นเอง ^//^ เขินอ่ะ

ตอนนี้ ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายเป้งว่ามันเป็นความรู้สึกประเภทไหน
แต่มันเป็นความรู้สึกที่ฉันมั่นใจว่า มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ฉันไม่เคยรู้สึกกับเพื่อนสนิทคนไหน
ฉันเพิ่งจะรู้ว่ามันก่อตัวขึ้นเงียบๆ ตั้งแต่เที่ราไปเที่ยวจันทบุรีด้วยกัน เมื่อหลายเดือนก่อนนี้ ใช่ว่า
ฉันเองจะอ่อนประสบการณ์เรื่องความรักนะ ฉันน่ะมีแฟนมาแล้วตั้งหลายคน แต่คบกันไม่ยืด
สักคน ฉันเป็นคนที่หลงรักใครได้ง่ายๆ และก็เลิกกับใครได้ง่ายๆ เช่น เหงาจัง เราเป็นเพื่อนแก้
เหงาให้เอามั้ย และตกลงเป็นแฟนกัน อีกไม่เกิน 2 เดือนก็เลิกกัน แค่นี้ล่ะ สงสัยฉันเป็นคน
ประเภทที่รักอิสระและเกลียดการผูกมัดเกินไปล่ะมั้ง เฮ้อฉันเองก็ยังคิดๆ อยู่ว่า ฉันเคยมี
ความรักจริงๆ กับเขาสักครั้งหรือยัง รึว่าแค่หลงใหลได้ปลื้มจนลืมตัวไปกับความรู้สึกตาม
ประสาเด็ก -*-

" พวกมึง 2 คนกราบไอ้แนนเลยนะเว้ย ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ" เสียงไอ้อ๊อฟ เพื่อนซี้
ของฉันประท้วงไอ้อ้วน กับไอ้ยุ้ยแทนฉันเหย็งๆ
" ไม่เอาเว้ย เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน วันนี้ก็วันนี้สิวะ มันคนละวันกัน เห็นมั้ย แนนมันยัง
ไม่ว่าไรเลย" ไอ้อ้วนสวนกลับ
" เออๆ แล้วก็แล้วกันไปเว้ย ช่างหัวมันเหอะ แต่ทีหลังอย่ามาเทียบรุ่น เข้าใจ๋" นี่ฉันขอข่ม
มันหน่อย จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากทำตัวเป็นเมรีขี้เมาขนาดนี้หรอกนะ แต่ทำไงได้ ล่ะ
ในเมื่อเหล้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถรวบรวมเพื่อนๆ ให้อยู่กับฉันได้ เห็นมั้ย บอกแล้ว
ว่าฉันขี้เหงาจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันขอแอบมองเสี้ยวหน้าของใครคนหนึ่งที่ฉันแสนจะเป็นห่วง
คนๆนั้นยังพร่ำน้ำลายแตกฟอง อยู่กับเพื่อนซี้ของเขา เมื่อมองจนพอใจแล้วฉันก็คล่อยๆ
เคลื่อนกายขึ้นตึกเรียนไป ในใจก็พลางคิดไปว่า คงจะดีถ้าได้อยู่ใกล้กันมากกว่านี้

" ไมมันน่าเบื่ออย่างนี้วะ แม่งเรียนก็ไม่รู้เรื่อง" ฉันบ่นกระปอดกระแปด หลังเรียน
วิชาคณิตศาสตร์ก่อนพักเที่ยง
" แล้วที่เรียนไม่รู้เรื่องน่ะ มัวแต่ใจลอยล่ะสิ" เสียงยัยบุ๋มเพื่อนร่วมห้องที่ฉันพอจะคุย
ด้วยได้พูดดักฉันซะหน้าหงาย
" ไม่ได้ลอยซะหน่อย แค่วิชามันยากอ่ะ แล้วเราก็ไม่ชอบวิชานี้ด้วย" ฉันแก้ตัวไปพัลวัน
ทำไมยัยนี่ถึงรู้เหมือนอ่านใจฉันได้เลย ฮือๆ ยัยนั่นไม่ต่อความใดๆ เดินหนีไปเฉยๆ
ทิ้งให้ฉันต้องมาทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ไม่ๆ ไม่ต้องคิด เพราะเป็นไปไม่ได้
เราเป็นเพื่อนกัน แล้วเราจะทำหน้ายังไง ถ้าไปบอกเขาอ่ะ แล้วถ้าเผื่อเขาปฏิเสธมา
ฉันไม่ต้องเสียเขาไปตลอดเหรอ ขอแอบชอบอย่างนี้ไปก็ดีแล้ว ซิกๆ

พักกลางวัน ฉันนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆ ในร้านเจ๊ ทุกๆ เที่ยงฉันจะมาช่วยเจ๊เขาขาย
ผลไม้ เพราะเจ๊คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด หลังจากขายของเสร็จ ฉันก็เดินไปที่สนามบาส
เห็นพวกเพื่อนๆ ของฉัน รวมทั้งนายคนนั้นกำลังเล่นบาสเอาจริงเอาจังอยู่ ฉันกำลังเดิน
ใจลอยๆ มา ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อไอ้คนที่ว่าตะโกนชวนฉันเล่นด้วยกันซะเสียงดัง (ไอ้บ้า
จะแหกปากอะไรวะ อยู่ใกล้กันไม้กี่เมตร) ฉันจึงปฏิเสธไป เพราะอยากเป็นคนนั่งดู
มากกว่า อา...มองดูเป้ง แล้วหัวใจมันเต้นผิดจังหวะไงชอบกล ดวงหน้าที่ขาว ใส
ดวงตาเล็กๆ นั้นฉายแววจริงจังเวลากระโดดชู้ตลูกลงห่วง แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าเมื่อ
เห็นว่าลูกไม่ลงห่วงดังที่หวัง(ไอ้ห่วยเอ้ย ใต้แป้นยังไม่ลง) ฉันแอบด่าไปด้วย 55
แต่ก็อดชื่นชมเขาไปด้วยไม่ได้ ดวงหน้าที่แสนจะดูดี กับ หุ่นที่สูงสมส่วนกว่าใครในกลุ่ม
ผิวก็ข้าว ขาว ขาวกว่าฉันซะอีก หมั่นไส้จริงๆ เฮ่อ ทำไมนะ ฉันรู้จักเขาตั้งแต่ ม.3 ฉันก็
รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับอีตานี่เท่าไหร่ เพราะเขานั้นชอบเดินร่อนไป ร่อนมา แล้วก็มักจะ
มีสาวเล็ก สาวใหญ่เข้ามาหาเขาเสมอ ด้วยหน้าตาที่ใครๆ คิดว่าหล่อ และดูดีนั่นแหละ
อี๋ แต่ตอนนั้นฉันคิดว่า อีตานี่ดูสำอางค์ชะมัด เก๊กหล่อสุดๆ แหยะ ไม่ช่ายสเป็คเลยล่ะ
แต่ตอนนี้ล่ะ เฮ่อ ฉันรู้แล้ว ล่ะว่าทำไมสาวๆ พวกนั้นถึงมาหลง มาชอบอีตานี่จัง
ตาเล็กๆ นั้นดูมีเสน่ เป็นประกายอยู่เสมอ รับกับคิ้วหนาของเขา ปากแดงๆ นั้นมันช่าง..
"เฮ้ยๆ!! ฟาวล์ มึงนั่นแหละ ฟาวล์ ไอ้สัดเอ้ย" เสียงของคนที่ฉันกำลังคิดถึงก็ดังขึ้น
ขัดจังหวะความคิดที่น่าภิรมย์?? ของฉัน นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังขี้โวยวายสุดๆ
ใช่ เพราะตอนนี้เขาเอามือข้างหนึ่งไปเชิงผลักๆ เพื่อน มือที่เหลือก็ถือลูกบาสไว้ไม่ยอม
ปล่อยให้ใคร อย่างเอาแต่ใจเป็นที่สุด เมื่อต่างคนก็ต่างๆไม่ยอม ในที่สุดก็เดือนร้อน
ฉันเพราะฉันเป็นคนนอกคนเดียว และมองเกมอยู่ ทุกสายตาจึงมองมาที่ฉัน หวังให้ฉัน
เป็นคนตัดสิน " มึงแหละฟาวล์ ไอ้ด้า กูดูอยู่ เอามือไปปัดตอนเป้งมันจะชู้ตได้ยังไง"
เฮอะ เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้คนที่ฉันหมายปองไว้หน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ล่ะ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า กูบอกมึงแล้ว มึงอ่ะ ฟาวล์ มาหาว่ากูขี้ตู่" ดู๊ ดู หน้าเป้งมันชอบใจสุดๆ
มีดวงตานั้นแววเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แล้วเขาก็หันมายักคิ้ว ข้างเดียวให้ฉัน ฉันจึง
ยักตอบกลับ แต่ฉันยักข้างเดียวไม่เป็น ผลที่ออกมาคงทุเรศน่าดู เป้งถึงหัวเราะ หึๆ

แล้วบ่ายคาบแรก ฉันก็โดดเรียนอีกจนได้ เพราะเพื่อนทุกคนโดดมาเล่นบาสกันหมด
ฉันจึงต้องอยู่ในฐานะกรรมการตามที่มันขอร้อง ถึงมันไม่ขอร้องฉันก็ อยากอยู่ใจจะ
ขาดอยู่แล้ว ^o^ เพราะฉันจะต้องเป็นกรรมการที่แสนจะยุติธรรม(??)ให้กับเพื่อนๆ
และแล้วชีวิตในโรงเรียนของสัปดาห์นี้ก็หมดไป ค่ำวันศุกร์ ดูเหมือนเพื่อนๆ ของฉัน
จะนัดแนะไปฉลองกันที่ไหนซักแห่ง ในโอกาส จะไม่ได้เจอกันอีก 2 วัน เฮ้อ!!
อย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นปีๆ นี่แหละก๊วนของฉัน มีเหตุผลมาจัดงานรื่นเริง
ได้ทุกสถานการณ์ แต่ท่าทางวันนี้ฉันคงขอบาย เพราะ ไม่มีทรัพย์และเหนื่อยๆ จาก
เมื่อวานอยู่เลย เฮ่อ ไม่ได้เจอกันตั้ง 2 วันแน่ะ คิดถึงจัง =^ ^=