วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พิชิตรัก ลุ้นหัวใจนายเพื่อนสนิท Part : 6

“แนน อาจารย์จรูญเรียกไปพบที่ห้องพักครูน่ะ” เสียงฟลุกกี้เพื่อนร่วมห้องของฉันดังขึ้น
หลังเรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ใช่”
“ขอบใจนะ”
ฉันพูดกับฟลุกกี้เสร็จก็เดินไปห้องพักครูทันที นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ถึงต้องเรียกพบเป็นการ
ส่วนตัวอย่างนี้ ปกติก็ไม่เคยเห็นสนใจฉันเลยด้วยซ้ำ นอกจากจะแทงบอล(ฉันรับเดิน
โพยบอลให้ลุงน่ะ มันผิดกฎหมายนะ อย่าทำตามเด็ดขาด) ฉันก็คิดไปเรื่อย เดาไปมั่วซั่ว
ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่เมื่อฉันไปถึงห้องพักครูก็ต้องร้องอ๋อ เมื่อเห็นใครอีกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ
ของครูอยู่ก่อนแล้ว ...เอ๋นั่นเอง ฉันเดินไปหาแล้วไหว้อาจารย์ ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างเซ็งๆ
“มีอะไรกับหนูเหรอคะ”
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่นานใช่มั้ยคะ หนูต้องรีบไปทำงาน” ฉันรีบออกตัวไว้เพราะไม่อยากเสียเวลา
กับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่
“ไม่นานหรอก แค่อยากจะคุยด้วยเรื่องพวกเธอสองคน” อาจารย์จรูญว่า
“...”
“...”
“มีปัญหาอะไรกัน เมื่อก่อนเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เดี๋ยวนี้แม้แต่หน้ายังไม่มองกันเลย
ได้ยินมาเรื่องถึงขั้นจะตบตีกันด้วย เล่าให้ครูฟังหน่อยสิ”
“...”
“ใครบอกเหรอคะว่าหนูกับเค้าจะตบตีกัน” ฉันถามเสียงแข็ง แต่สายตาของฉันกำลังจ้องมองอยู่ที่
ยัยเอ๋ ที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่
“ใครบอกไม่สำคัญ แล้วมันจริงรึเปล่า มีเรื่องอะไรกัน” อาจารย์พูด
“เรื่องมันไม่สำคัญถึงขนาดที่อาจารย์ต้องมากังวลหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่เคยคิดจะไปตบตี
ใครก่อน อาจารย์สบายใจได้ค่ะ” ฉันตอบเสียงเรียบ
“...” ยัยเอ๋ยังคงเงียบ
“ไม่สำคัญ แล้วถึงกับจะกลับมาคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง”อาจารย์พูด
“หนูทราบว่าอาจารย์ไม่สบายใจ แต่จะเป็นอย่างนี้อีกไม่นานหรอกค่ะ”
“แนน...” เอ๋พูดโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เพราะไม่นานหนูก็เรียนจบแล้ว คงไม่ได้เจอกันอีก หมดธุระแล้วหนูลานะคะ” ฉันว่าเสียงแข็ง
แล้ว ยกมือไหว้อาจารย์ แล้วเดินออกมาทันที
เฮ่อ ฉันใจร้ายมากใช่ไหม ที่ไม่ยอมให้อภัยเธอคนนั้น แต่ถ้าฉันให้อภัยเธอ แล้วจะมั่นใจได้
ยังไงว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดอีกครั้ง ฉันไม่เคยให้อภัยได้ใครเลยสักครั้ง ถ้าใครคนนั้น
ทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันมักจะคิดอยู่เสมอว่า มีครั้งแรกแล้ว มันก็จะมีครั้งต่อๆไป ฉันจึงไม่เคย
ไว้วางใจใครได้อีกเป็นครั้งที่สอง ความไว้ใจของฉันมันมีแค่เพียงหนึ่งครั้ง แต่เป็นครั้งเดียว
ที่ฉันไม่เคยคิดจะเอามันคืนตลอดชีวิตของฉัน แต่พวกเขาก็ทำลายมัน ฉันกลัวที่จะต้องกลับ
มาเจ็บปวดกับมันอีกครั้ง ฉันเห็นแก่ตัวและอ่อนแอ ใช่ไหม ถ้าฉันยังคงเป็นอย่างนี้อยู่
แล้วคนรอบตัวจะหายไปจากชีวิตของฉันไหม
แหมะ! แหมะ! ซ่าๆๆๆ อ้าวเวร... ฝนตกซะได้ ฉันหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่าง
เอาเรื่อง ก่อนจะถอนหายใจออกมา ...เอาเหอะ เซ็งๆ เดินเล่นน้ำฝนซะหน่อย โชคดีนะที่วันนี้
ฉันใส่ชุดพละ ไม่งั้นได้โป๊แย่ แต่ฝนชักจะตกแรงเกินไปแล้ว คงเดินต่อไปไม่ไหวแน่ๆ
ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจจะทำอะไรต่อไป เพราะมัวแต่มองหาที่หลบฝน
หมับ!! มือของใครคนหนึ่งมาคว้าแขนฉันไว้ แล้วก็ลากฉันไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!!” ฉันส่งเสียงได้เพียงแค่นั้น แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าของเจ้าของมือที่แสนอุกอาจนั้น ฉัน
จึงยอมเดินตามเขาไป พลางคิดว่าในโรงเรียนจะมีซักกี่คนที่กล้ามาลากฉันจนต้องเดินตามแถๆ
ไปอย่างนี้
“อยากไม่สบายนักรึไง เดินตากฝนอยู่ได้!! -*-“ เจ้าของมือที่ว่าตวาดใส่ฉันทันทีเมื่อเข้ามา
หลบฝนที่ใต้ถุนอาคารเรียน
“ฮึก... ฮึก...” แต่ฉันตอบอะไรไปไม่ได้ เพราะฉันกำลังจะร้องไห้ จึงมีแค่เสียงกลั้นสะอื้นเบาๆ
“เฮ้ย แนน!! เป็นอะไรน่ะ ดุแค่นี้ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ ขอโทษนะ!!” เป้งถามฉันอย่างตกใจ
“ฮึก...” จริงๆ ฉันไม่ได้โกรธเขาหรอกที่ตวาดฉัน แต่มันเป็นเพราะเรื่องที่ฉันคิดก่อนหน้านั้น
ต่างหาก มันกำลังหลอกหลอนฉัน เฮ่อ แล้วฉันจะร้องไห้ทำไมเนี่ย เมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉันก็หยุด
ร้องไห้ทันที ก่อนจะหันมาทางเป้ง
“เปล่านี่ ใครร้อง” ฉันตอบเสียงนิ่ง
“แนนนั่นแหละร้องเมื่อกี้เห็นอยู่ นั่นตายังแดงอยู่เลย”
“บ้าป่าววะ ที่ตาแดงเพราะน้ำฝนมันเข้าตาต่างหาก” ฉันทำหงุดหงิดกลบเกลื่อนความอ่อนแอ
ของตัวเอง แล้วเป้งก็เงียบไป แต่ไม่วายส่งสายตาจับผิดมาให้
“แล้วไปเดินตากฝนทำไม” เขาถามฉันเสียงเรียบ
“ก็เดินเพลินๆ น่ะ น้ำฝนเย็นดีออก” ฉันตอบไปพร้อมทำท่าทางร่าเริงสุดๆ
“ประสาท” แน่ะ ด่าฉันอีก
“ว่าเราบ้า แล้วทำไมไม่ให้เดินต่อไปล่ะ ไปลากเราเข้ามาทำไม”
“ก็...นะ” เขาว่าแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ฉันจึงถอดกระเป๋าเป้
ออก ก่อนจะสะดุ้งโหยเมื่อคิดอะไรได้ กระเป๋างั้นเหรอ ฮืออ หนังสือเรียนของช้านนน เมื่อเห็น
ว่ามันเปียกจนมีน้ำหยดย้อยออกมา ฉันจึงได้แต่เอามันออกมาสลัดน้ำออกอย่างปลงๆ กับชีวิต
พลางด่าตัวเอง ในใจ ...ยัยบ้าเอ้ย ยังดีนะที่ฉันฝากบางส่วนไว้ที่ร้านเจ๊ตั้งแต่เที่ยงแล้ว
“เป็นไงล่ะ อยากไปถ่ายมิวสิคเดินตากฝน ฮ่าๆ” เป้งซ้ำเติมฉันทันที
“...” ฉันไม่ตอบกลับอะไร เพียงแต่มองเขาอย่างเอาเรื่อง
“แล้วนี่ต้องไปทำงานมั้ยเนี่ย เย็นแล้วนะ” เขาถามฉันอีก
“ฮะ จริงด้วย งั้นไปแล้วนะ” ฉันเตรียมจะผละออกมา เขาก็เรียกฉันไว้ก่อน แล้วยื่นร่มคัน
สีชมพูหวานแหววสุดๆ ให้กับฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ไม่เอาหรอก รถเรามีคลัช ถือร่มไปด้วยไม่ได้หรอก” ฉันตอบไปตามความจริง ขืนฉันต้อง
ถือร่มไปด้วยมีหวังฉันต้องตื่นฟื้นสติขึ้นมาที่โรงพยาบาลแน่ๆ
“งั้นจะเดินไปส่งที่จอดรถละกัน (-_- ;)”
“มะ.. ไม่ปฏิเสธละกัน” ตอนแรกว่าจะปฏิเสธไปแต่คิดไปคิดมา ไม่ปฏิเสธดีกว่า
อันที่จริงน่ะ ฉันเดินฝ่าฝนไปเลยก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันเปียกโชกทั้งตัวอยู่แล้ว
แต่เรื่องอะไรฉันจะยอมพลาด โอกาสที่หายากแสนยากอย่างนี้ได้ไงกัน ^o^
“...” เขากางร่มออกมา แต่เสมองไปทางอื่น ทำไม่สนใจฉันซะอย่างนั้น
“เอ่อ ร่มมันคันเล็กนิดเดียวเองนะ” ฉันทักออกไป เพราะรู้ถึงสรีระของตัว เอง
ฉันตัวสูงขนาดพอๆ กับเขานั่นล่ะ แถมไม่ใช่คนอ้อนแอ้นบอบบางสักเท่าไหร่
เพื่อนในก๊วนมากเรียกฉันว่า ยัยถึกมั่งล่ะ ยัยบึ๊กมั่งล่ะ T^T
“ก็เบียดๆ กันไปก็ได้ ไปเถอะ” แล้วฉันกับเขาก็เดินออกจากใต้ถุนตึกเรียนไปช้าๆ
ตึกตัก ตึกตัก เอาอีกแล้ว หัวใจฉันเต้นแรงยังกะจะกระโดดออกมาซะให้ได้ ฉันจะตาย
มั้ยเนี่ยถ้าเป็น อย่างนี้ไปนานๆ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีจัง โรแมนติกสุดๆ
...ใต้ร่มคันเดียวกันวันฝนพรำ ฉันยังคงจดจำ ยังตรึงอยู่ในหัวใจ โว้ โว เย เย้...
พรึ้ด!! ว้าย!! ฉันลื่นเกือบจะล้มเพราะมัวแต่ร้องเพลงในใจจนไม่ทันได้มองทาง
แต่โชคดีที่ฉันคว้าแขนของเป้งไว้ทัน ไม่งั้นขืนล้มลงไปขายหน้าแย่เลย T T ว่าแล้ว
ก็อดไปมองเสี้ยวหน้าของเขาไม่ได้ หน้าเขาแดงจัง หรือเป็นเพราะสีชมพูของร่มนะ
แต่อย่างเขานี่เหรอจะพกร่ม แถมสีชมพูอีก
“สีร่มน่ารักเชียว ไม่นึกว่าจะชอบสีแบบนี้” คำถามที่ดูเหมือนคำแซวมากกว่าหลุดออก
จากปากฉัน เขามีสีหน้าที่ฉันดูไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไง
“ร่มของน้องสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆ น่ะ ไอ้ด้ามันยืมมาให้” เขาตอบเสียงเรียบ
“อ๋อ งั้นเหรอ นึกว่าเปลี่ยนรสนิยมจากชอบสีฟ้าไปชอบสีชมพูซะแล้ว”
“รู้ด้วยว่าชอบสีฟ้า”
“เอ่อ.. ก็ ก็เป็นเพื่อนกันไม่รู้ได้ไงว่าชอบสีไหน ถามแปลกๆ” ฉันรีบแก้ตัว
“เฮ่อ ถึงแล้ว” เป้งบอกพลางถอนหายใจ
“ขอบใจนะ” ฉันยิ้มให้เขานิดๆ แล้วสตาร์ทรถทันที
แชะ! แชะ! แชะ! ฉันสตาร์ทครั้งที่สามก็แล้ว ครั้งที่สี่ก็แล้ว มันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะ
สตาร์ทติด แต่อย่างใด สงสัยเพราะรถเปิดกรองแน่ๆ เลย(สำหรับท่านผู้อ่านที่มีรถแต่ง
สองจังหวะน่าจะเข้าใจ) น้ำก็เลยเข้า ....ทำไงดีอ่ะ โดนอาด่าอีกแน่ๆ เลย ระหว่างที่
ฉันตีโพยตีพายในใจอยู่นั้น เขาก็ยื่นกุญแจรถของเขาให้ฉัน ทำเอาฉันเกือบสะดุ้งอีกรอบ
...อ้าว เขายังอยู่เหรอ นึกว่าเดินไปถึงไหนแล้ว ฉันจึงรับเอากุญแจรถของเขามาแบบงงๆ
“เอารถเราไปก็ได้ น่าจะสตาร์ทติด” แล้วเขาเอากุญแจกลับคืนไป จากนั้นก็เดินไปที่รถ
ของเขา แล้วจะยื่นกุญแจให้ตรูทำเท่ไรวะ -_- ; ฉันคิดอย่างงงๆ เดินตามเป้งไป
“เอารถเราไปก่อนก็ได้ เสร็จแล้วค่อยกลับมา เรารออยู่ใต้ถุนตึกนะ” เป้งบอกขณะที่จูงรถ
ของเขาออกมา ฉันจึงเดินไปรับเอารถของเขาอย่างงงๆ เขายิ้มให้ฉันทีหนึ่ง แล้วก็เดิน
จากไปพร้อมกับหัวใจของฉัน เขาน่ารักจัง =^^=

เมื่อฉันไปถึงร้านของอาก็ปรากฎว่าอาฉันได้เก็บร้านไปแล้ว อาบอกว่าเก็บร้านไปตั้งแต่
ฝนตกแล้วล่ะ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบขับรถกลับไปโรงเรียน เพราะเกรง ใจเจ้าของรถอยู่ไม่
น้อย แต่ก็แอบดีใจนิดๆ ที่ได้ขับรถของเขา สาวๆ ทั้งโรงเรียนคงอิจฉาตาร้อนฉันเป็นแน่
ที่ฉันได้ขับรถ สุดเท่ของหนุ่มฮอตอย่างเขา ว่าแล้วก็เอาซะหน่อย ฉันเลยขับร่อนไปทั่ว
เพื่อโชว์สักหน่อย แต่ฝนตกอย่างนี้ใครเขาจะมามองว่าฉันขับรถใคร(ไหนบอกว่าเกรงใจ
เจ้าของรถไงเล่า) ฉันจึงรีบบิด มอเตอร์ไซค์กลับไปที่โรงเรียน ^ ^
ฉันกลับไปถึงโรงเรียนฝนก็เริ่มซาลงบ้างแล้ว แล้วฉันก็ขับรถไปจอดทาง เดินใกล้ๆ
จุดนัดหมายของเรา อ๊าย!! คำว่าเรานี่ช่างฟังดูดีและอบอุ่นจังเลย ว่าแล้วฉันก็เดินไปหา
เขาที่ยืนมองฉันอยู่ ก่อนจะรู้สึกเสียวแปลบๆ ที่ท้ายทอยเหมือนโดนของมีคมทิ่มแทง
อ้า...ว่าแล้ว ฉันต้องโดนสายตาอาฆาตจากสาวๆ ที่อยู่แถวๆ นั้น เ อ๊ะ!! แล้วฉันก็
เหลือบเห็นผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะห่างกันออกไปไม่มากมองมาที่ฉัน
ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วฉันก็ยื่นกุญแจรถคืนให้เขา พลางส่งยิ้มที่ฉันคิดว่าสวยสุดๆ
ให้เขาไป แล้วพูดเสียงหวาน
“ขอบใจมากๆ นะเป้ง ถ้าไม่ได้รถเป้งเนี่ย แนนต้องแย่แน่ๆ เลย ^ ^” ฉันพูด
ทั้งที่จริงไม่ได้แย่อะไรเลย อันนี้เพื่อความสะใจและประชดใครบางคน อ๊ะ!! ตายแล้ว
ฉันเป็นนางเอกนะ ทำไมกิเลสเยอะอย่างนี้ ท่องไว้ๆ ฉันเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีๆ
(สะกดจิตตัวเอง)
“ถ้ารถสตาร์ทไม่ติดเดี๋ยวเรายันไปส่งที่บ้านให้ ^ ^” เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม ฉันมอง
รอยยิ้มนั้น อย่างเคลิบเคลิ้ม ...กรี้ด คนอะไร หล่อแล้วยังจิตใจดีเป็นที่ซู้ดดด
“จ๊ะ ขอบใจนะ” ฉันพูด ...อี๋ ปกติฉันไม่เคยแทนตัวเองกับเขาว่าแนน แล้วก็ไม่เคยพูด
จ๊ะจ๋า อะไรอย่างนี้หรอกนะ แต่วันนี้ทำไปเพื่ออะไรสักอย่างที่ไม่อยากบอกใครให้รู้
เดี๋ยวจะหาว่าฉันเป็นนางเอกที่มีจิตใจแย่ ชิส์
และแล้วเขาก็ได้มาส่งฉันที่บ้าน แม้ว่าจะเป็นแค่การยันรถมอไซค์ของฉันมาถึงบ้านก็ตาม
แต่ฉันขอเรียกว่ามาส่งก็แล้วกันนะ(เข้าข้างตัวเองสุดๆ) ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าเขา
ไม่ต้องไปส่งผู้หญิงของเขาเหรอ พอฉันแย๊บๆ ถามไปก็ได้คำตอบว่า
“เขามีรถของเขา แล้วรถเขาก็ไม่ได้เสีย”
อ๋อ... เอ่อนะ ฟังดูเหมือนประชดฉันจัง แต่ช่างมันเหอะ ฉันถือว่าเขาเต็มใจช่วยเหลือฉัน
เพราะเขาไม่ยอมไปส่งใครตามคำขอร้อง แต่เขากลับมาส่งฉันโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ เย้ เย ^o^

ไม่มีความคิดเห็น: